Close Menu
    Facebook X (Twitter) Instagram
    partthai
    • Home
    • ข่าวสารล่าสุด
    • ความบันเทิง
    • สุขภาพ
    partthai
    สุขภาพ

    วิธีป้องกันการกระทบกระเทือน สมอง ในการทำกิจกรรมประจำวันและกีฬา

    George HendersonBy George HendersonAugust 14, 2025No Comments2 Mins Read

    สมอง เป็นอวัยวะสำคัญที่ควบคุมการทำงานของร่างกายและจิตใจ การกระทบกระเทือนสมอง (Concussion) อาจเกิดขึ้นได้จากการกระแทก การล้ม หรือแรงกระทบที่ศีรษะโดยตรงหรือโดยอ้อม ซึ่งแม้จะไม่ทำให้เสียชีวิตทันที แต่อาจส่งผลกระทบระยะยาวต่อความจำ สมาธิ การทรงตัว และสภาพจิตใจ ดังนั้นการป้องกันจึงเป็นสิ่งสำคัญทั้งในชีวิตประจำวันและในการเล่นกีฬา


    ความเข้าใจพื้นฐานเกี่ยวกับการกระทบกระเทือนสมอง

    การกระทบกระเทือนสมองเกิดขึ้นเมื่อสมองเคลื่อนตัวภายในกะโหลกศีรษะเนื่องจากแรงกระแทก ส่งผลให้เนื้อสมองและเส้นประสาทได้รับความเสียหาย อาการที่พบบ่อย ได้แก่ ปวดศีรษะ เวียนศีรษะ มึนงง คลื่นไส้ สูญเสียความทรงจำชั่วคราว หรือหมดสติ การรู้เท่าทันและตระหนักถึงความเสี่ยงจะช่วยให้สามารถป้องกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ


    1. การป้องกันในการทำกิจกรรมประจำวัน

    1.1 การจัดสภาพแวดล้อมให้ปลอดภัย

    • ในบ้าน: เก็บสายไฟและสิ่งกีดขวางออกจากทางเดิน ติดตั้งราวจับในห้องน้ำและบันได
    • ในที่ทำงาน: จัดพื้นที่ให้มีแสงสว่างเพียงพอและไม่มีของวางเกะกะ
    • พื้นที่กลางแจ้ง: ระวังพื้นลื่นหรือขรุขระ โดยเฉพาะในวันที่ฝนตก

    1.2 การใช้เครื่องป้องกัน

    • ใส่หมวกกันน็อกเมื่อต้องขี่จักรยาน มอเตอร์ไซค์ หรือใช้สกู๊ตเตอร์
    • ใช้หมวกนิรภัยเมื่อทำงานก่อสร้างหรือกิจกรรมที่มีความเสี่ยงของการตกจากที่สูง

    1.3 การป้องกันการหกล้มในผู้สูงอายุ

    • ใช้ไม้เท้าหรืออุปกรณ์ช่วยเดินหากมีปัญหาการทรงตัว
    • สวมรองเท้าที่มีพื้นกันลื่น
    • ตรวจสายตาเป็นประจำเพื่อให้มองเห็นชัดเจน

    2. การป้องกันระหว่างเล่นกีฬา

    2.1 เลือกใช้อุปกรณ์ป้องกันที่เหมาะสม

    • หมวกกันน็อกคุณภาพสูง: เลือกขนาดพอดีและผ่านมาตรฐานความปลอดภัย
    • ฟันยาง (Mouthguard): นอกจากป้องกันฟันยังช่วยลดแรงกระแทกที่ส่งต่อไปยังสมอง
    • อุปกรณ์ป้องกันอื่นๆ เช่น สนับเข่า สนับศอก เพื่อช่วยลดการบาดเจ็บจากการล้ม

    2.2 ฝึกเทคนิคการเล่นอย่างถูกต้อง

    • นักกีฬาที่เล่นฟุตบอลหรือรักบี้ควรฝึกวิธีการเข้าปะทะอย่างปลอดภัย
    • ในกีฬาที่มีการโหม่งบอล ควรใช้เทคนิคที่ลดแรงกระแทกต่อศีรษะ
    • หลีกเลี่ยงการเสี่ยงที่ไม่จำเป็น เช่น การกระโดดสูงหรือชนแรงเกินไป

    2.3 การอบอุ่นร่างกายและเสริมสร้างกล้ามเนื้อคอ

    • การมีกล้ามเนื้อคอแข็งแรงช่วยลดแรงกระแทกที่ส่งถึงสมอง
    • ควรอบอุ่นร่างกายก่อนเล่นกีฬาเพื่อเตรียมความพร้อมของกล้ามเนื้อและข้อต่อ

    3. การรู้จักสัญญาณอันตรายและการตอบสนอง

    3.1 สัญญาณเตือนของการกระทบกระเทือนสมอง

    • ปวดศีรษะอย่างรุนแรง
    • เวียนศีรษะหรือเสียการทรงตัว
    • พูดช้าลงหรือสับสน
    • หมดสติแม้เพียงไม่กี่วินาที

    3.2 วิธีการปฏิบัติเมื่อเกิดอุบัติเหตุ

    • หยุดกิจกรรมทันทีและประเมินอาการ
    • ไม่ควรให้ผู้บาดเจ็บกลับไปเล่นกีฬาจนกว่าจะได้รับการประเมินจากแพทย์
    • รีบนำส่งโรงพยาบาลหากมีอาการรุนแรง

    4. การให้ความรู้และสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัย

    4.1 การฝึกอบรมในโรงเรียนและสโมสรกีฬา

    • จัดอบรมให้นักกีฬา ครู และโค้ชรู้จักวิธีป้องกันและสังเกตอาการ
    • ส่งเสริมการใช้ภาษาและการสื่อสารที่เน้นความปลอดภัย

    4.2 การส่งเสริมทัศนคติที่ถูกต้อง

    • ปลูกฝังให้ผู้เล่นเห็นความสำคัญของสุขภาพมากกว่าผลการแข่งขัน
    • ส่งเสริมการพักฟื้นอย่างเพียงพอเมื่อเกิดการบาดเจ็บ

    5. ตารางสรุปอุปกรณ์ป้องกันสมองในกิจกรรมและกีฬา

    ประเภทกิจกรรม / กีฬาอุปกรณ์ป้องกันหลักคุณสมบัติที่ควรมีหมายเหตุ
    ขี่จักรยาน / มอเตอร์ไซค์หมวกกันน็อกน้ำหนักเบา ระบายอากาศดี ได้มาตรฐานความปลอดภัยควรปรับสายรัดให้กระชับพอดี
    สเก็ตบอร์ด / โรลเลอร์เบลดหมวกกันน็อก สนับเข่า สนับศอกโครงสร้างแข็งแรง รองรับแรงกระแทกได้ใช้หมวกเฉพาะสำหรับกีฬาประเภทนี้
    ฟุตบอลฟันยาง สนับแข้งลดแรงกระแทกบริเวณฟันและขาฝึกโหม่งบอลอย่างถูกวิธี
    รักบี้ / อเมริกันฟุตบอลหมวกกันน็อก เสื้อเกราะซับแรงกระแทกและป้องกันศีรษะตรวจสอบสภาพอุปกรณ์ก่อนเล่นทุกครั้ง
    กีฬาในร่ม (แบดมินตัน, ฟุตซอล)รองเท้ากันลื่นลดการหกล้มและแรงกระแทกที่อาจกระทบศีรษะเลือกรองเท้าที่เหมาะกับพื้นสนาม
    งานก่อสร้าง / ซ่อมบำรุงหมวกนิรภัยโครงแข็ง ทนแรงตกกระแทกสวมหมวกทุกครั้งที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยง

    6. การดูแลและฟื้นฟูหลังการกระทบกระเทือนสมอง

    6.1 การพักฟื้นในระยะเริ่มต้น

    • หยุดกิจกรรมทั้งหมดที่ต้องใช้แรงหรือสมาธิสูง เช่น กีฬา การอ่านนานๆ หรือการใช้คอมพิวเตอร์
    • พักผ่อนให้เพียงพอและหลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้น เช่น แสงจ้า หรือเสียงดัง
    • รับประทานอาหารที่มีประโยชน์และดื่มน้ำให้เพียงพอ

    6.2 การติดตามอาการ

    • จดบันทึกอาการทุกวัน เช่น ความปวดศีรษะ ระดับพลังงาน สมาธิ และอารมณ์
    • เข้าพบแพทย์ตามนัดเพื่อตรวจสอบความพร้อมก่อนกลับไปทำกิจกรรม

    6.3 การกลับไปทำกิจกรรม

    • เริ่มจากกิจกรรมเบาๆ และค่อยๆ เพิ่มความหนักอย่างระมัดระวัง
    • ในกรณีของนักกีฬา ควรได้รับการอนุญาตจากแพทย์ก่อนกลับเข้าสู่การแข่งขัน

    7. การสร้างสังคมที่ปลอดภัยต่อสมอง

    • องค์กรกีฬา ควรกำหนดนโยบายความปลอดภัย เช่น การหยุดเล่นทันทีเมื่อมีการกระแทกศีรษะ
    • โรงเรียน ควรสอนเรื่องความปลอดภัยและวิธีป้องกันการบาดเจ็บให้กับนักเรียน
    • ครอบครัว ควรให้การสนับสนุนและเข้าใจว่าการพักฟื้นเป็นเรื่องจำเป็น ไม่ใช่การอ่อนแอ

    8. คู่มือการตรวจอาการกระทบกระเทือนสมองแบบ 10 ขั้นตอน

    คำแนะนำนี้ใช้เพื่อการประเมินเบื้องต้นเท่านั้น ไม่สามารถใช้แทนการวินิจฉัยจากแพทย์ได้

    1. ตรวจความรู้สึกตัว
      • สอบถามชื่อ วัน เวลา และสถานที่
      • หากตอบช้า สับสน หรือจำไม่ได้ อาจเป็นสัญญาณอันตราย
    2. ตรวจการเคลื่อนไหวตา
      • ให้ผู้บาดเจ็บมองตามนิ้วมือที่เคลื่อนช้าๆ
      • หากมีอาการเวียนหัวหรือการมองภาพซ้อน ควรระวัง
    3. สังเกตการพูด
      • ฟังว่ามีการพูดช้าลง ติดขัด หรือออกเสียงไม่ชัด
    4. เช็กอาการปวดศีรษะ
      • อาการปวดศีรษะรุนแรงหรือปวดเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ต้องรีบพบแพทย์
    5. ตรวจการทรงตัว
      • ให้ผู้บาดเจ็บยืนหลับตาแล้วยกขาข้างหนึ่ง
      • หากทรงตัวยากหรือโอนเอนมาก อาจมีปัญหาด้านการควบคุมสมดุล
    6. ประเมินความจำระยะสั้น
      • ให้จำคำง่ายๆ 3 คำ แล้วถามซ้ำหลังจาก 5 นาที
      • หากจำไม่ได้ อาจมีการบกพร่องด้านความจำ
    7. สังเกตอารมณ์และพฤติกรรม
      • อารมณ์แปรปรวน หงุดหงิด หรือเฉื่อยชา อาจเป็นสัญญาณของการบาดเจ็บสมอง
    8. ตรวจอาการคลื่นไส้หรืออาเจียน
      • หากอาเจียนมากกว่า 2 ครั้งหลังการบาดเจ็บ ถือเป็นสัญญาณอันตราย
    9. ประเมินความไวต่อแสงและเสียง
      • ถ้าแสงจ้าและเสียงดังทำให้อาการแย่ลง อาจมีการกระทบกระเทือนสมอง
    10. เฝ้าระวังอย่างน้อย 24–48 ชั่วโมง
      • อาการบางอย่างอาจปรากฏช้า เช่น ง่วงมากผิดปกติ หรือชัก

    9. ข้อแนะนำเมื่อพบอาการเสี่ยงสูง

    หากพบข้อใดข้อหนึ่งต่อไปนี้ ต้องรีบนำส่งโรงพยาบาลทันที

    • หมดสติแม้เพียงชั่วครู่
    • พูดไม่ชัด หรือแขนขาอ่อนแรง
    • ชัก หรือมีการกระตุกของกล้ามเนื้อ
    • อาเจียนหลายครั้งและมีอาการง่วงซึม
    • ปวดศีรษะรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ

    10. ปิดท้าย: การให้ความสำคัญกับสมองในทุกช่วงวัย

    สมองคือศูนย์กลางการทำงานของร่างกาย การกระทบกระเทือนเพียงครั้งเดียวอาจทำให้เกิดปัญหาระยะยาวได้ การป้องกันด้วยอุปกรณ์ที่เหมาะสม การเล่นกีฬาอย่างปลอดภัย การเรียนรู้วิธีประเมินอาการเบื้องต้น และการรีบพบแพทย์เมื่อจำเป็น คือสิ่งที่จะช่วยให้ทุกคนสามารถใช้ชีวิตอย่างมั่นใจและลดความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บสมองได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    วัดมหาธาตุ วัดโบราณกับเศียรพระพุทธรูปในรากไม้ วิธีป้องกันการกระทบกระเทือน สมอง ในการทำกิจกรรมประจำวันและกีฬา อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ – สวรรค์ป่าดิบสุดมหัศจรรย์ของ ประเทศไทย
    George Henderson

    Related Posts

    ความเสี่ยงของโรค เรื้อรัง ที่แฝงอยู่เบื้องหลังนิสัยการตื่นสาย

    September 2, 2025

    อัลเกววา บลู เลค: อัญมณีลับสำหรับนักดูดาวใน โปรตุเกส

    September 1, 2025

    เกินกว่าเอมปานาดา: การค้นพบ อาหาร แท้จริงของซานเตียโก

    August 30, 2025

    Comments are closed.

    Type above and press Enter to search. Press Esc to cancel.